รีวิว MG VS HEV 2022 ใหม่ ขุมพลังไฮบริด 1.5 ลิตร 177 แรงม้า ทีเด็ดอยู่ที่ความแรง

รีวิว MG VS HEV 2022 ใหม่ ขุมพลังไฮบริด 1.5 ลิตร 177 แรงม้า ทีเด็ดอยู่ที่ความแรง รีวิว MG VS HEV 2022 ใหม่ เอสยูวีขุมพลังไฮบริดรุ่นล่าสุดจากค่ายเอ็มจี ชูจุดเด่นที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 8 วินาทีปลาย กับราคาจำหน่าย joker gaming รุ่นท็อป 919,000 บาท จะคุ้มค่าน่าซื้อแค่ไหนไปติดตามได้ในบทความนี้ครับ เอ็มจี ประเทศไทย ยังคงกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัว MG VS HEV รุ่นใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่ารูปลักษณ์โดยรวมจะยังคงยกมาจาก MG ZS โฉมไมเนอร์เชนจ์ที่วางขายมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ได้มีการปรับรูปโฉมบางส่วนและเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น แถมยังชูความเป็นรถไฮบริดที่ให้สมรรถนะเหนือกว่าเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา กับราคาจำหน่ายที่อยู่ระหว่าง 859,000 - 919,000 บาท สำหรับ MG VS HEV ที่วางจำหน่ายในบ้านเรามีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย รุ่น D และ รุ่น X โดยบทความนี้จะเน้นไปที่รุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด มีอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ครบครันที่สุด แต่ยังคงใช้ขุมพลังเดียวกับรุ่น D ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น ภายนอก อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า MG VS HEV ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ MG ZS ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน แต่ได้มีการปรับดีไซน์ส่วนหน้าไล่ตั้งแต่เสา A-pillar ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชุดไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Electrified Matrix สะท้อนถึงระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยที่ชุดกระจังหน้าเองยังคงออกแบบให้สามารถรับอากาศเพื่อระบายความร้อนได้ตามปกติ ไม่ใช่กระจังหน้าแบบปิดทึบเหมือนกับรถไฟฟ้าแท้ๆ แต่อย่างใด

BYD Seal 2023 สปอร์ตซีดานไฟฟ้าที่จะเปิดตัวในไทย เหนือกว่า BYD ATTO 3 ทั้งราคาและยอดขาย และคาดเปิดตัวในไทยปีหน้า BYD Seal 2023 (บีวายดี ซีล 2023) ขนาดกลาง รถเก๋งไฟฟ้า 4 ประตู ตำแหน่งสูงกว่า BYD ATTO 3 ประตู ที่เน้นความสปอร์ตมากกว่าอรรถประโยชน์ในการใช้งาน รวมถึงมีการตกแต่งภายในด้วยวัสดุที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม ข้อมูลเบื้องต้นจาก BYD ระบุว่ามีโอกาสค่อนข้างสูงในตลาดไทย ยังไม่ได้ระบุช่วงเวลา แต่คาดว่าไม่เกินปลายปีหน้า รถยนต์ใหม่ 2023 BYD Seal 2023 ดีไซน์ภายนอก BYD Seal 2023 มาในแนวสปอร์ตซีดานที่ใช้แนวหลังคาลาดเอียงแบบคูเป้เกือบท้ายรถ การออกแบบเน้นความโฉบเฉี่ยว ด้านหน้าออกแบบเป็นรูปลิ่มที่เฉียบคม มีช่องรับอากาศที่ด้านล่างของกันชน ไฟหน้าเป็นรูปตัว C และไฟท้ายเป็นแบบ LED เรืองแสงเป็นเส้นตรง ล้อมรอบด้วยกรอบสีดำและไฟดวงเล็กที่มือจับประตู ตัวรถที่นำมาโชว์ในงาน Motor Expo 2022 ใช้ล้ออัลลอยด์สีดำขัดเงา pg slot ด้านหน้าขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/45 R19 Y ตัวถังยาว 4,800 มม. กว้าง 1,875 มม. สูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,920 มม. มม. การออกแบบภายใน BYD Seal 2023 สำหรับภายในห้องโดยสาร BYD Seal 2023 ใช้วัสดุสังเคราะห์แบบสัมผัสนุ่มในหลายพื้นที่ของการตกแต่งภายใน ตั้งแต่ชุดแดชบอร์ดแบบฟรีฟอร์มบุด้วยหนังไมโครไฟเบอร์คล้ายหนังกลับ ติดตั้งหน้าจอดิจิตอลขนาดเล็กสำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่และหน้าจอควบคุมมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ตรงกลาง เบาะคู่หน้าเป็นแบบสปอร์ต เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์เย็บแบบไดมอนด์คัท คอนโซลกลางแบบลอยตัวใช้พลาสติกเคลือบลวดลาย มีคันเกียร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเป็นพลาสติกใสเหมือนคริสตัล ภายในมีที่ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย ระบบเสียงใช้ลำโพง Dynaudio จากยุโรปและติดตั้งหลังคากระจกพาโนรามาแบบตายตัว

BMW R 18 100th Anniversary Special Edition สี Classic Chrome ราคา 1,219,000 บาท BMW R 18 100th Anniversary Special Edition ตกแต่งดีไซน์คลาสสิก ตัวถัง Chrome สุดคลาสสิก เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบ 1,802 ซีซี พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และราคาอยู่ที่ 1,219,000 บาท บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เปิดตัว BMW R 18 100th Anniversary Special Edition ชูกลิ่นอายความคลาสสิกของชิ้นส่วนงานฝีมือ เรียบง่ายแต่ทรงพลัง สัดส่วนของรถได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์ BMW R 5 รุ่นเก่า และมีการออกแบบที่เปลือยเปล่าอันโดดเด่น BMW R 18 100th Anniversary Special Edition มีจำหน่ายในรุ่น Classic Chrome พร้อมตัวเลือกการออกแบบ แฮนด์และที่พักเท้า แฮนด์บาร์ บังโคลนหน้า และกระจกเสริมด้วยปลายท่อไอเสีย Akrapovic พร้อมโลโก้ BMW แบบเจาะรูในโครเมียม ส่วนขุมพลังนั้นมาพร้อมเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 4 จังหวะ 2 สูบ ความจุ 1,802 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 4,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. นอกจากนี้ยังใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเพลา พร้อมระบบส่งกำลังแบบปีกนก 6 สปีดและคลัตช์เดี่ยวแบบแห้ง ขณะที่สวิงอาร์มหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก BMW R 5 เชื่อมต่อกับเพลาล้อหลังผ่านข้อต่อโบลต์แบบดั้งเดิม ระบบกันสะเทือนของ BMW R 18 Special Edition 100th Anniversary ยังคงความคลาสสิกด้วยระบบกันสะเทือน pg slot แบบเทเลสโคปิคแทนระบบควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ มีคันโยกตรงกลางที่สามารถปรับความหนืดและแรงอัดของสปริงได้ ระยะยุบตัวของโช้คอัพหน้า 120 มม. และโช๊คหลังมีระยะห่าง 90 มม. ติดตั้งระบบเบรกคู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลังและคาลิปเปอร์แบบตายตัว 4 ลูกสูบที่สะดุดตาพร้อมล้อแบบซี่ลวด นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถปรับแต่งโหมดการขี่ได้ 3 โหมด ได้แก่ Rain, Roll และ Rock ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ ตามความต้องการส่วนตัวด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ฝาถังน้ำมันพร้อมระบบล็อก, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ASC), ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลงทางลาดชัน, ระบบเกียร์ถอยหลัง, ระบบป้องกันไฟกระชากขณะออกรถด้วย Anti-hopping Clutch, Keyless ไฟหน้า LED แบบปรับได้และแบบปรับได้พร้อมไฟวิ่งกลางวัน

BMW 320Li/330Li M Sport รุ่นฐานล้อยาว เคาะราคา 2,759,000 - 3,099,000 บาท BMW 320Li M Sport และ 330Li M Sport โฉม LCI (รุ่นฐานล้อยาว) ปี 2023 ใหม่ ชูจุดเด่นด้วยความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้น pg slot จากรุ่นปกติ 114 มิลลิเมตร เคาะราคาจำหน่ายรุ่น 320Li M Sport อยู่ที่ 2,759,000 บาท และรุ่น 330Li M Sport อยู่ที่ 3,099,000 บาท (ราคารวมแพ็กเกจ BSI Standard) BMW 3 Series Gran Sedan โฉม LCI ปี 2023 ใหม่ ถูกพัฒนาให้มีความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติ 114 มิลลิเมตร โดยเป็นความยาวที่ประตูคู่หลังเพิ่มขึ้น 110 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออกบริเวณประตูหลัง และมีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มขึ้น 43 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับซีรี่ส์ 3 รุ่นปกติ มีวางจำหน่ายใน 2 รุ่นย่อย ได้แก่ 320Li M Sport และ 330 Li M Sport ภายนอกของทั้ง 2 รุ่น ถูกติดตั้งไฟหน้าแบบ Adaptive LED ตกแต่งสีดำแบบ M Lights Shadowline (รุ่น 320Li M Sport เป็นไฟหน้าแบบ LED Headlights) พร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ High-beam Assistant, หลังคากระจก Panorama เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, ชุดตกแต่งภายนอกสีดำเงา M High-gloss Shadowline with Extended Contents, ล้ออัลลอยลาย V-spoke สี Bicolour ขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น 320Li M Sport และลาย Double-spoke สี Bicolour ขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น 330Li M Sport ภายในห้องโดยสารของทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Vernasca ปรับระดับด้วยไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมเมมโมรี่ฝั่งผู้ขับ, พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M, ระบบปรับอากาศแบบ 3 โซน, ระบบ BMW Live Cockpit Professional พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.0, หน้าจอ Control Display ขนาด 1.25 นิ้ว, ระบบเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive และระบบ BMW Connected Package Professional โดยในรุ่น 330Li M Sport เพิ่มเติมด้วยหลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite และระบบเสียง Harman Kardon